เขาคิชฌกูฏ กำลังจะเปิดในเดือนมกราคม 2564 นี้แล้วนะคะ วันนี้ทางทีมงาน เลขเด็ดสยาม เลยมีกำหนดการเปิดเขาคิชฌกูฏ พร้อมทั้งวิธีไหว้บูชา ต้องเตรียมตัวยังไง ไหว้ยังไง ขอพรแบบไหนถึงจะได้ผลมาฝากกันค่ะ สำหรับใครที่อยากเสริมดวง ไหว้สักการะตามรอยพระพุทธบาทต้องห้ามพลาดเลยค่ะ

ไหว้สักการะตามรอยพระพุทธบาท เขาคิชฌกูฏ

เขาคิชฌกูฏ

เขาคิชฌกูฏ เปิดวันไหนบ้าง ?

ปกติแล้วจะเริ่มเปิดตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี หรือประมาณปลายเดือนมกราคม – เดือนมีนาคม ซึ่งในปี 2564 จะเริ่มตั้งแต่ 14 ม.ค. – 14 มี.ค. 2564 และมีกำหนดการดังต่อไปนี้

    • บวชเนกขัมมะ  วันที่ 8 – 12 ม.ค. 64
    • พิธีบวงสรวง 12 ม.ค.64
    • พิธีปิดป่า-เปิดเขา 14 ม.ค. 64

จะไปสักการะพระพุทธบาท เขาคิชฌกูฏต้องเตรียมตัวอย่างไร

ตลอดทางขึ้นเขาคิชฌกูฏมีจุดไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย ดังนั้นเราสามารถเตรียมเครื่องสักการะบูชาไปเองล่วงหน้าได้ ดังนี้

เครื่องสักการะ

    1. ธูป 1 มัดเล็ก
    2. เทียน 1 ห่อ
    3. ทองคำเปลว 1 ห่อใหญ่
    4. ดอกไม้ 1 ถุง
    5. พลอย ตามวันเกิด
    6. ผ้าสามสี

หรือหากไม่สะดวกเตรียมไป ก็สามารถซื้อหาได้ที่วัด หรือตามทางขึ้นก็มีจำหน่ายเป็นระยะๆค่ะ

ไหว้เขาคิชฌกูฏ

วิธีอธิฐานขอพร

ในการอธิษฐานขอพร ว่ากันว่าให้ “อธิษฐานขอเพียง 1 อย่าง” เท่านั้น คือไม่ว่าจะขอพรกี่จุด กี่ครั้ง ก็ให้ขอเรื่องเดิม

ทั้งนี้ท่านพ่อเขียนได้เคยอธิบายไว้ว่า

“คนบางคนมาเพื่อขอเพียงอย่างเดียว ไม่สนใจสร้างบารมี อีกประการหนึ่ง คนที่จะสำเร็จในสิ่งที่ขอได้นั้นต้องมีบารมีที่เพียงพอกับสิ่งที่ขอนั้น คนบางคนขอมากเกินไป คือขอแบบโลภมาก เช่น ขอให้รวยเป็นร้อยล้าน พันล้าน ทั้งๆ ที่ไม่มีบารมี อย่างนี้สำเร็จยาก ท่านจึงสอนให้ขอในสิ่งที่เหมาะสม และขอสิ่งสำคัญในชีวิตสักหนึ่งอย่าง จะสำเร็จไวกว่าขอทีละมากๆ”

เขาคิชฌกูฏ

จุดไหวสักการะ มีตรงไหนบ้าง

จุดที่ 1 ต้นโพธิ์ ไหว้พระบาทจำลอง

จุดที่ 2 ไหว้พระปางต่าง ๆ 9 รูป

จุดที่ 3 ไหว้หลวงปู่นัง หรือพระครูพุทธบทบริบาล อดีตเจ้าอาวาสวัดพลวง (ขอพรครั้งที่ 1)

จุดที่ 4 ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแคล้วคลาดปลอดภัยก่อนขึ้นเขา

จุดที่ 5 ไหว้ที่ศาลาพระนอน อธิษฐานขอพรที่พระอภิบาลมงคลพุทธไสยาสน์ (ขอพรครั้งที่ 2)

จุดที่ 6 พระเจดีย์ (ขอพรครั้งที่ 3 )

จุดที่ 7 พระสิวลี (ขอพรครั้งที่ 4)

จุดที่ 8 พระสีหไสยาสน์ หรือ พระนอนหิน (ขอพรครั้งที่ 5) จุดนี้ถือเป็นจุดขอพรจุดสุดท้าย

จุดที่ 9 ไหว้พระ กราบสักการะรอยพระพุทธบาท

เคล็ดลับขอพร ทำยังไงให้ได้ผลเร็ว

    1. เมื่อกลับลงมาแล้วให้ขึ้นบนศาลากราบลาหลวงพ่อนัง พระครูพุทธบทบริบาล แล้วขอพรท่านช่วยให้เราได้พบความสำเร็จตามความต้องการ จากนั้นจึงค่อยกลับบ้าน
    2. หลายท่านให้ความสำคัญกับการเขียนคำอธิษฐานบนผ้าแดงมาก แต่แท้จริงแล้วจุดสำคัญที่สุดคือรอยพระพุทธบาท ไม่ใช่ผ้าแดง เพราะที่มาของผ้าแดงเกิดจากการที่ทางวัดได้นำผ้าแดงไปผูกไว้เป็นเครื่องหมายเตือนว่าเป็นเขตอันตรายเนื่องจากมีผู้พลัดหลงบ่อยและมีหน้าผาอันตราย ดังนั้นหากใครจะอยากไปที่ผ้าแดงก็สามารถทำได้ แต่ไม่ควรลืมให้ความสำคัญและตั้งใจสักการะรอยพระพุทธบาทมากที่สุดค่ะ
    3. ให้ความเคารพในขณะเข้าลานพระบาท เช่น ต้องถอดหมวก ถอดรองเท้า ลดสัมภาระที่สะพายบนบ่าบนไหล่ลง สวมเสื้อผ้าที่สุภาพเรียบร้อย
    4. สำรวมกาย วาจา ใจให้สงบเรียบร้อย ไม่พูดจาคึกคะนองหรือมีกิริยาไม่เหมาะสม
    5. เอาบุญไปฝากเทวดา หมายถึง ให้เอาบุญจากการที่มากราบไหว้รอยพระพุทธบาท ไปฝากหรืออุทิศให้เทวดา เช่น ขึ้นไปด้านบน ก็เอาไปอุทิศให้เทวดา หรือลงไปในถ้ำก็นำบุญไปฝากปู่ฤาษี หรือเมื่อกลับไปถึงบ้านก็ให้เอาบุญไปฝากเทวดาที่บ้านตน หรือกราบพ่อแม่แบ่งบุญให้ โดยขอพรย้ำเรื่องเดิม ที่สุดเมื่อบุญมีกำลังมากก็จะส่งผลให้สำเร็จสมปรารถนา
เขาคิชฌกูฏ

เปิดประวัติ และความเป็นมา เขาคิชฌกูฏ

ตำนานของรอยพระพุทธบาท บนยอดเขาคิชฌกูฏนั้น ไม่ปรากฏแน่ชัดนัก เพราะมีการเล่ารายละเอียดปลีกย่อยต่างกันไป

ในปี พ.ศ.2397 นายติ่งและพรรคพวกที่มีอาชีพหาของป่าได้พากันขึ้นไปหาไม้กฤษณาและของป่าอื่นๆ มาขาย ซึ่งจะต้องพักค้างแรมในป่าหลายวัน ระหว่างทางได้พากันนั่งพักเหนื่อยที่ลานหินบนยอดเขาแห่งหนึ่ง พอหายเหนื่อยแล้วก็พากันเดินกลับที่พัก แต่น่าฉงนว่าเดินเท่าไหร่ก็วนกลับมาลานหินที่เดิมซ้ำๆ

พวกเขาจึงตัดสินใจนั่งพักเหนื่อยที่ลานหินอีกครั้ง เพื่อนนายติ่งคนหนึ่งจึงถอนหญ้ารกบริเวณนั้นเพื่อจะล้มตัวนอนได้ถนัด จึงได้พบแหวนนาคขนาดใหญ่วงหนึ่ง นายติ่งและพรรคพวกต่างพากันตื่นเต้นดีใจ นึกว่ามีทรัพย์สมบัติซ่อนไว้จึงพากันถอนหญ้าค้นหากันยกใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่พบอะไรเพิ่มเติม มีเพียงรอยเท้าขนาดใหญ่ที่มีรอยขดเป็นรูปก้นหอยเท่านั้น

ในขณะนั้นนายติ่งและเพื่อนๆ ไม่รู้จักรอยพระพุทธบาทมาก่อน คิดไปว่าอาจจะเป็นรอยเท้าผู้มีฤทธิ์มีอาคม จึงพากันขอขมา และขอให้พวกตนเดินทางกลับที่พักได้ซึ่งก็น่าอัศจรรย์ว่า สามารถกลับที่พักได้อย่างง่ายดายจริงๆ ดั่งคำขอ เมื่อกลับลงมาแล้วก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟังว่าพบรอยพระพุทธบาท เพราะตนเองไม่รู้จักมาก่อนนั่นเอง

พระพุทธบาท เขาคิชฌกูฏ

ต่อมานายติ่งได้ไปงานเทศกาลปิดทองรอยพระพุทธบาทที่วัดพลับ ตำบลบางกะจะ เมื่อนายติ่งได้ไปปิดทองรอยพระพุทธบาทก็รู้สึกแปลกใจมากและบอกคนอื่นๆ ว่า ที่บ้านเขาก็มีรอยเหมือนรอยพระพุทธบาทนี้เหมือนกัน เมื่อทางเจ้าคณะจังหวัดจันทบุรีทราบเรื่อง จึงเรียกนายติ่งไปสอบถาม และให้พระภิกษุ 2 รูปตามนายติ่งไปดู ซึ่งก็ลงความเห็นว่าเป็นรอยพระพุทธบาทจริง และยังพบว่าลานหินนั้นมีหินก้อนใหญ่โตมาก ลักษณะคล้ายบาตรพระตะแคงตั้งลอยอยู่ เรียกว่า หินลูกบาตร ฝั่งตรงข้ามหินลูกบาตรมีรอยพระหัตถ์คล้ายกับว่ารับหินก้อนนี้ และในหินก้อนนี้ ตรงข้ามกับรอยพระหัตถ์ ยังมีรูปรอยเท้าใหญ่ (รอยเท้าพญามาร) อีกด้วย

ที่มาของชื่อเขาคิชฌกูฏนั้น เป็นความดำริของพระครูธรรมสรคุณซึ่งเป็นกรรมการและเป็นหลักในการพัฒนาพระบาทพลวงตั้งแต่ พ.ศ. 2515 ได้เสนอใช้ชื่อ พระบาทเขาคิชฌกูฎ (พลวง) ซึ่งในศาสนาพุทธกล่าวไว้ว่า เขาคิชฌกูฎอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ เป็นยอดเขาที่มีแนวเขาล้อมโดยรอบ และเคยเป็นสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้าในอดีต อีกทั้งประเทศไทยยังเป็นเมืองที่พุทธศาสนาเจริญกว่าเมืองไหนๆ แม้กระทั่งประเทศอินเดียก็ตาม

จึงเชื่อกันว่าหากใครได้มานมัสการรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาคิชฌกูฏ ก็เปรียบเสมือนได้เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งถือเป็นสิริมงคลอันยิ่งใหญ่ และยิ่งหากได้มาอธิษฐานขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามจุดต่างๆ แล้ว ก็จะสมหวังดั่งใจปรารถนา จึงทำให้ในแต่ละปีมีผู้คนหลั่งไหลมาสักการะกันอย่างไม่ขาดสายนั่นเองค่ะ

สรุป

และนี่ก็คือประวัติความเป็นมา และวิธีไหว้สักการะบูชารอยพระพุทธบาท เขาคิชฌกูฏ ซึ่งจะมีกำหนดการเปิดให้พุทธศาสนิกชนเข้าไปสักการะบูชาได้ในเดือน มกราคม 2564 เพื่อความเป็นสิริมงคล เสริมดวงให้เฮงๆปังๆ ตลอดทั้งปี 2564 ค่ะ

 

ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับหวย เลขเด็ดต่างๆก่อนใคร คลิ๊ก!!